ปัญหานี้มองภาพใหญ่แค่ปริมาณหนี้อย่างเดียวอาจยังไม่พอ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าหนี้ของคนไทยอยู่ในสินเชื่อประเภทใด และอยู่กับผู้กู้กลุ่มไหน
หนี้ส่วนใหญ่ของคนไทย
อยู่ในสินเชื่อประเภทไหน?
เราสามารถแบ่งหนี้กว้าง ๆ ได้เป็นสองประเภท
หนี้ที่ไม่สร้างรายได้
(non-productive loan)
หรือหนี้พึงระวัง
หนี้ที่ให้ความสุขสบายในวันนี้ แต่มักไม่ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต เพราะส่วนใหญ่เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค หนี้จากการจับจ่ายซื้อของที่เกินฐานะ
หนี้ที่สร้างรายได้
(productive loan)
หรือหนี้ดี
หนี้ที่ช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างอนาคต สร้างอาชีพ หรือความมั่นคงระยะยาว เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้ซื้อบ้าน หนี้เพื่อซื้ออุปกรณ์ประกอบอาชีพ
2 ใน 3 ของบัญชีหนี้ครัวเรือนทั้งหมดของไทย
อาจเป็นสินเชื่อที่ไม่สร้างรายได้
ประกอบด้วยสินเชื่อส่วนบุคคล 39% และบัตรเครดิต 29%
ขณะที่หนี้ที่สามารถสร้างรายได้หรือความมั่งคั่งอย่างหนี้เพื่อธุรกิจและหนี้บ้านกลับมีสัดส่วนจำนวนบัญชีเพียงอย่างละ 4% เท่านั้นจากบัญชีทั้งหมด
สัดส่วนบัญชีหนี้ แยกตามประเภทผลิตภัณฑ์
ที่มา : เครดิตบูโร คำนวณโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย
อึ๊งภากรณ์ (2565)
หมายเหตุ : ข้อมูลเมื่อมีนาคม
2565
ถึงแม้เมื่อดูเป็นสัดส่วนมูลค่าหนี้แล้ว หนี้บ้านจะคิดเป็น 35% ของมูลค่าหนี้รวมทั้งหมด แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีสัดส่วนหนี้ต่อ GDP ใกล้เคียงกับไทย จะเห็นได้ว่ามูลค่าหนี้ส่วนใหญ่ของประเทศเหล่านั้นเป็นหนี้บ้าน
สัดส่วนมูลค่าหนี้บ้านของไทยและประเทศต่าง ๆ
ที่มา : CEIC, ธนาคารแห่งประเทศไทย,
และธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ
ข้อมูลในช่วงปี 2563–2565
แล้วแต่ข้อมูลล่าสุดที่มีตามแต่ละประเทศ
จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์หนี้ของคนไทยค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากบัญชีหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่อาจไม่สร้างรายได้
ซึ่งมีระยะผ่อนสั้นแต่ดอกเบี้ยสูง ทำให้มีภาระผ่อนต่อเดือนที่สูง ในขณะเดียวกัน ข้อมูลยังอาจสะท้อนได้อีกว่าคนไทยมีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อที่จำเป็น เช่น สินเชื่อบ้าน
หนี้อยู่กับใคร
และจ่ายคืนได้หรือไม่?
1 ใน 5 ของคนไทยที่เป็นหนี้มีหนี้เสีย
20% ของคนไทยที่เป็นหนี้ในเครดิตบูโรกำลังประสบกับปัญหาหนี้เสีย
คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานมีหนี้เร็วขึ้น
และเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนคนมีหนี้เสียสูงที่สุด
1 ใน 2
ของคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงานจะเริ่มมีหนี้สินกันแล้ว
และสัดส่วนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ในช่วง 12
ปีที่ผ่านมา
คนไทยมีปัญหาหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
โดยกลุ่มวัยเริ่มทำงานมีสัดส่วนการใช้สินเชื่อที่อาจไม่สร้างรายได้สูงที่สุด
และมีสัดส่วนผู้กู้ที่มีหนี้เสียสูงที่สุดด้วยถึง 1 ใน
4
สัดส่วนคนไทยที่มีหนี้เสีย
จากคนไทยที่เป็นหนี้ 100%
ที่มา : เครดิตบูโร คำนวณโดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (2565)
หมายเหตุ : ข้อมูลเมื่อมีนาคม 2565
เกษตรกรและกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
เป็นสองกลุ่มที่มีสถานการณ์หนี้น่าเป็นห่วง
เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มต่าง ๆ พบว่า เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเป็นสองกลุ่มผู้กู้ที่มีสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้สูง โดยเฉลี่ย 12 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของเกษตรกรและกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอยู่ที่ 34% และ 41% ตามลำดับ
(หมายความว่า หากมีรายได้ 100 บาท ต้องจ่ายหนี้ 34 บาท และ 41 บาท ทำให้เหลือเงินเก็บและใช้จ่ายน้อยลง)
ซึ่งแสดงว่าหนี้ที่มีอาจเกินกำลังจะจ่ายไหว ทำให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเป็นสองกลุ่มสำคัญที่ปัญหาหนี้อยู่ในระดับที่น่ากังวล
สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) เฉลี่ยปี 2552—2564
ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ คำนวณโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เราเข้าใจได้ว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก
เพราะหนี้ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่อาจไม่สร้างรายได้ และไปอยู่กับกลุ่มผู้กู้ที่มีปัญหาด้านความสามารถในการจ่ายคืนหนี้
เช่น เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้กู้ที่มีจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีหนี้เร็วและมีปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้การเข้าถึงสินเชื่อและเงินทุนในอนาคตทำได้ยากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมในระยะยาว